SungLassesAustralia.biz

ความรู้ที่น่าสนใจในยุคไอที และการทำการตลาดออนไลน์

มือชา เท้าชา ใช่แค่เหนื่อยหรือเป็นโรค

เคยไหมคะที่รู้สึกมือชา เท้าชา แล้วก็แค่คิดว่า “คงแค่เหนื่อย” หรือ “นั่งผิดท่า” แล้วปล่อยผ่านไป แต่รู้ไหมว่าอาการเหล่านี้บางครั้งอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ไม่ควรมองข้าม

มือชา เท้าชา เกิดจากอะไรได้บ้าง

  • ท่าทางซ้ำ ๆ หรืออยู่ท่าเดิมนานเกินไป
    เช่น นั่งไขว่ห้าง พิงแขนบนโต๊ะนาน ๆ จนเส้นประสาทถูกกดทับ
  • ความเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ
    ระบบไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติ ทำให้ปลายประสาทรับสัญญาณได้ไม่ดี
  • ขาดวิตามินบางชนิด
    โดยเฉพาะวิตามินบี ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท
  • เบาหวาน
    ระดับน้ำตาลที่สูงต่อเนื่องอาจทำลายปลายประสาท ส่งผลให้เกิดอาการชา
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
    อาการนี้มักมีอาการร่วม เช่น ปวดหลัง ร้าวลงขา หรือปวดต้นคอ
  • โรคปลายประสาทอักเสบ
    ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ภูมิคุ้มกัน หรือสารพิษบางอย่าง

สังเกตตัวเองอย่างไรว่าไม่ใช่แค่เหนื่อย

  • อาการชาบ่อยขึ้นหรือเป็นซ้ำ ๆ แม้พักแล้วก็ไม่หาย
  • ชาร่วมกับอาการอื่น เช่น ปวดแปลบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเดินลำบาก
  • ชาแบบเฉียบพลัน โดยเฉพาะถ้าเป็นข้างเดียวของร่างกาย (เช่น ชาซีกขวาทั้งตัว)
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือเคยประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง

วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

  • เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ ไม่อยู่ในท่าทางเดิมนานเกินไป
  • พักสายตาและขยับร่างกายบ้างหากทำงานหน้าคอมนาน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ และทานอาหารที่ช่วยบำรุงระบบประสาท เช่น ปลา ไข่ ถั่ว
  • ถ้ามีอาการเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้ชัดเจน

อาการมือชา เท้าชา อาจดูเล็กน้อย แต่ถ้าเกิดบ่อยหรือรบกวนชีวิตประจำวัน อย่าปล่อยผ่านนะคะ เพราะมันอาจเป็นเสียงเบา ๆ จากร่างกายที่กำลังขอให้เราหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น