กัญชงและกัญชาต่างก็เป็นพืชในสกุลเดียวกัน แต่ถูกใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งสองชนิดมีความคล้ายคลึงกันในรูปลักษณ์ภายนอก แต่เนื้อหาทางสารเคมีและคุณสมบัติต่างๆ แตกต่างกันอย่างมาก กัญชงเป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเส้นใยและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่กัญชาถูกใช้ในทางการแพทย์และการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีการถกเถียงในหลายสังคมถึงประโยชน์และผลกระทบต่อสุขภาพจากทั้งสองพืช
ในยุคที่กฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับกัญชากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชงและกัญชาจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องการใช้งานในทางการแพทย์ การพัฒนาเศรษฐกิจ และการใช้ประโยชน์ทางสังคม บทความนี้จะสำรวจความแตกต่างของพืชทั้งสองชนิดและประโยชน์ของการใช้ในแต่ละกรณี

กัญชงคืออะไร?
กัญชง (Hemp) เป็นพืชที่อยู่ในสกุลเดียวกับกัญชา แต่มีปริมาณสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่น้อยมาก สาร THC เป็นสารที่ทำให้เกิดผลทางจิตและความรู้สึกมึนเมา แต่กัญชงมีสารชนิดนี้ต่ำมากจนไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตประสาท ทำให้กัญชงถูกใช้งานในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเสื้อผ้า เส้นใย กระดาษ และอาหารเสริม
นอกจากนี้ กัญชงยังมีสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีผลต่อจิตประสาท แต่มีประโยชน์ในทางการแพทย์ สามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ลดความเครียด และช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น CBD ที่ได้จากกัญชงจึงเป็นที่นิยมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น น้ำมัน CBD และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

กัญชาคืออะไร?
กัญชา (Marijuana) เป็นพืชที่มีสาร THC ในปริมาณที่สูงกว่า เมื่อถูกใช้กัญชาจะส่งผลกระทบทางจิต เช่น ความรู้สึกมึนเมา และทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ในทางการแพทย์กัญชาถูกใช้เพื่อรักษาอาการปวดเรื้อรัง บรรเทาอาการเครียด และบรรเทาอาการของโรคบางชนิด เช่น มะเร็งและอัลไซเมอร์
การใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้มีการวิจัยและการรับรองในหลายประเทศ เนื่องจากมีประโยชน์ในการลดความเจ็บปวดและบรรเทาอาการของผู้ป่วย แต่การใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงหรือเพื่อผลทางจิตอาจมีผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เสี่ยงต่อการเสพติดและเกิดผลกระทบต่อการทำงานของสมองในระยะยาว
ความแตกต่างระหว่างกัญชงและกัญชา
ปริมาณสาร THC และ CBD
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างกัญชงและกัญชาคือปริมาณของสาร THC และ CBD กัญชามีสาร THC ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความรู้สึกมึนเมา ในขณะที่กัญชงมีสาร THC น้อยกว่า 0.3% ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อจิตประสาท ส่วน CBD ในกัญชงนั้นมีปริมาณมากกว่า และมีประโยชน์ในการรักษาทางการแพทย์โดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจ
วัตถุประสงค์ในการใช้
กัญชงถูกใช้ในอุตสาหกรรมเส้นใยและผลิตภัณฑ์จากพืช เนื่องจากกัญชงมีเส้นใยที่แข็งแรงและสามารถนำไปใช้ผลิตสินค้าหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า เชือก กระดาษ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ในขณะที่กัญชาถูกใช้ในทางการแพทย์และบางครั้งก็ใช้เพื่อการพักผ่อน
กฎหมายและข้อบังคับ
ในหลายประเทศ กัญชงถูกกฎหมายเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ส่วนกัญชานั้นมีการจำกัดการใช้งานมากกว่า เนื่องจากผลกระทบต่อจิตประสาท ในบางประเทศอนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์เท่านั้น ในขณะที่บางประเทศยังคงมีกฎหมายห้ามใช้กัญชาเพื่อความบันเทิง
อะไรดีกว่ากัน?
ประโยชน์ของกัญชง
- – ไม่มีผลต่อจิตประสาท ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
- – มีสาร CBD ซึ่งมีประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น ลดความเครียดและบรรเทาอาการปวด
- – สามารถใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเส้นใยและสินค้าต่างๆ
- – มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกัญชงเติบโตเร็วและสามารถนำมาใช้ผลิตสินค้าได้หลายชนิด
ประโยชน์ของกัญชา
- – ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง
- – มีผลช่วยในการรักษาอาการของโรคบางชนิด เช่น มะเร็งและอัลไซเมอร์
- – ส่งผลให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด
- – ใช้เพื่อการพักผ่อนในบางประเทศที่อนุญาตให้ใช้เพื่อความบันเทิง
ข้อเสียและความเสี่ยงของทั้งสองพืช
แม้ว่ากัญชงจะไม่มีผลต่อจิตประสาท แต่ก็มีข้อจำกัดในบางประเทศที่ยังไม่อนุญาตให้ใช้ ส่วนกัญชามีความเสี่ยงในการเสพติดและส่งผลกระทบต่อสมองหากใช้ในปริมาณมากหรือในระยะยาว การใช้กัญชาโดยไม่มีการควบคุมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเช่น ภาวะวิตกกังวล ความจำเสื่อม และอาการที่ร้ายแรงกว่านั้น

กัญชงและกัญชามีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน กัญชงมีสาร CBD ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อจิตประสาทและใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ในขณะที่กัญชามีสาร THC ที่ทำให้เกิดผลทางจิต แต่ก็มีประโยชน์ในทางการแพทย์ การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความต้องการส่วนบุคคล รวมถึงข้อบังคับทางกฎหมายในแต่ละประเทศ