การบริหารคลังสินค้าในยุคนี้ ไม่ได้ใช้แค่แรงงานคนกับ การจดบันทึกด้วยมืออีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น ความซับซ้อนของข้อมูลก็มากขึ้นตามไปด้วย การทำงานแบบเดิมจึงอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป หลายคลังสินค้าเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีอย่าง RFID กันมากขึ้น โดยเฉพาะ RFID Reader ที่กลายเป็นหัวใจหลักของระบบติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์
ทำความรู้จักกับจุดเด่นของ RFID Reader ที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ และเพราะอะไรระบบคลังสินค้าถึงไม่ควรมองข้ามเครื่องมือนี้
ทำความรู้จักกับ RFIDแบบง่าย ๆ
RFID ย่อมาจาก Radio Frequency Identification คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการระบุตัวตนของวัตถุหรือสินค้า โดยมีส่วนประกอบหลักคือ แท็ก (Tag) ที่ติดอยู่กับสินค้า
RFID Reader ที่ทำหน้าที่อ่านข้อมูลจากแท็กเหล่านั้นแบบไร้สาย ไม่ต้องใช้สายตาหรือการสัมผัสเหมือนบาร์โค้ด

RFID Reader มีจุดเด่นอะไรบ้าง?
1. อ่านข้อมูลได้เร็วแบบเรียลไทม์
ถ้าใครเคยสแกนบาร์โค้ดทีละชิ้นจะรู้เลยว่ามันเสียเวลาแค่ไหน โดยเฉพาะถ้าต้องจัดการกับสินค้านับพัน RFID Reader ช่วยให้การอ่านข้อมูลเป็นแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องเล็ง ไม่ต้องแตะ ขอแค่แท็กอยู่ในระยะสัญญาณ ก็อ่านข้อมูลได้ทันที เช่น
อ่านข้อมูลได้เร็วแบบเรียลไทม์
- ไม่ต้องสแกนทีละชิ้น
- ไม่ต้องเล็ง ไม่ต้องแตะ
- อัปเดตข้อมูลทันที
อ่านได้โดยไม่ต้องมองเห็น (Non-Line-of-Sight)
- RFID สามารถอ่านข้อมูลได้แม้แท็กจะถูกบังด้วยวัตถุอื่น หรืออยู่ในบรรจุภัณฑ์ปิดทึบ ซึ่งบาร์โค้ดไม่สามารถทำได้
อ่านได้จากระยะไกล
- ขึ้นอยู่กับประเภทของแท็กและเครื่องอ่าน RFID สามารถอ่านข้อมูลได้จากระยะห่างหลายเมตร ทำให้การตรวจนับหรือติดตามสินค้ายิ่งสะดวกและรวดเร็วขึ้น
เก็บข้อมูลได้มากกว่า
- แท็ก RFID สามารถบรรจุข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ด ทำให้สามารถบันทึกรายละเอียดสินค้า วันหมดอายุ หรือข้อมูลเฉพาะอื่นๆ ได้อย่างครบถ้วน
2. ลดข้อผิดพลาดจากคนทำงาน
บางครั้งคนเราก็พลาดได้ค่ะ เช่น อ่านเลขผิด บันทึกผิด แต่ RFID Reader จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ดี เพราะระบบสามารถอ่านข้อมูลได้อัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลมีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เช่น
ลดการป้อนข้อมูลด้วยมือ
- ลดโอกาสการ อ่านเลขผิด หรือ บันทึกข้อมูลผิดพลาด ที่เกิดจากการคีย์ข้อมูลด้วยมือ
- กระบวนการเป็น อัตโนมัติ มากขึ้น ตั้งแต่การรับสินค้า การนับสต็อก ไปจนถึงการจัดส่ง
ข้อมูลถูกต้องแม่นยำสูง
- RFID Reader อ่านข้อมูลจากแท็กโดยตรง ทำให้ข้อมูลที่เข้าระบบมีความ ถูกต้องและแม่นยำสูง
- ลดความจำเป็นในการตรวจสอบซ้ำหลายครั้ง ซึ่งประหยัดเวลาและแรงงาน
ลดความเหนื่อยล้าของพนักงาน
- การทำงานที่รวดเร็วและเป็นอัตโนมัติช่วย ลดภาระงาน และความเหนื่อยล้าของพนักงาน ทำให้มีสมาธิกับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น
การตรวจสอบที่รวดเร็ว
- เมื่อเกิดข้อผิดพลาด ระบบ RFID สามารถช่วยให้ ตรวจสอบย้อนกลับ และหาต้นตอของปัญหาได้รวดเร็วกว่าการบันทึกด้วยมือ

3. ทำงานได้แบบไม่ต้องเห็นตัวสินค้าโดยตรง
สามารถอ่านแท็กได้แม้ของจะอยู่ในกล่อง อยู่บนพาเลท หรือในลังที่ปิดอยู่ ไม่จำเป็นต้องหยิบของออกมาให้เห็นเหมือนตอนสแกนบาร์โค้ด แบบนี้ช่วยประหยัดทั้งเวลาและแรงงานไปได้เยอะเลยค่ะ เหมาะกับงานที่มีการเก็บสินค้าหลายชั้น หรือมีการขนย้ายอยู่บ่อย ๆ เช่น
อ่านข้อมูลผ่านสิ่งกีดขวาง
- แท็ก RFID สามารถส่งข้อมูลผ่านกล่อง, พาเลท, ลัง หรือบรรจุภัณฑ์ที่ปิดอยู่ได้
- ไม่จำเป็นต้องแกะกล่องบรรจุ หรือหยิบสินค้าออกมาวางเรียงเพื่อสแกนทีละชิ้นเหมือนบาร์โค้ด
ประหยัดเวลาและแรงงานอย่างมหาศาล
- ลดขั้นตอนการจัดการสินค้าที่ซับซ้อน ทำให้การตรวจนับหรือตรวจสอบทำได้รวดเร็วขึ้นมาก
- เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคลังสินค้าที่มีการเก็บสินค้าหลายชั้น หรือมีการขนย้ายบ่อยๆ
เพิ่มความรวดเร็วในการจัดการสินค้า
- ช่วยให้การรับเข้า-ส่งออกสินค้าทำได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบด้วยตาเปล่าทุกชิ้น
- ลดความแออัดบริเวณจุดรับ-ส่งสินค้าในคลัง
4. รองรับการอ่านหลายรายการพร้อมกัน
RFID Reader สามารถอ่านแท็กได้หลายสิบหรือแม้กระทั่งเป็นร้อยแท็กในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องไล่ทีละชิ้นเหมือนบาร์โค้ดเลยค่ะ จุดนี้ทำให้การตรวจนับสต็อกเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก และยังลดเวลาในการปิดรอบสต็อกได้อีกด้วย เช่น
อ่านได้รวดเร็วจำนวนมาก
- RFID Reader สามารถอ่านแท็กได้พร้อมกันทีละ หลายสิบไปจนถึงหลายร้อยรายการ ในเวลาเดียวกัน
- แตกต่างจากการสแกนบาร์โค้ดที่ต้องทำทีละชิ้น ลดเวลาที่เสียไปกับการไล่สแกนทีละรายการ
เปลี่ยนการตรวจนับสต็อกให้ง่ายขึ้น
- ทำให้กระบวนการ ตรวจนับสต็อกสินค้า ที่เคยยุ่งยากกลายเป็นเรื่องง่ายและใช้เวลาน้อยลงอย่างมาก
- ช่วย ลดเวลาในการปิดรอบสต็อก และทำให้ข้อมูลคงคลังเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
เพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการ
- เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคลังสินค้าที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้าจำนวนมาก เช่น การรับเข้า การเบิกออก หรือการย้ายที่จัดเก็บ
5. ต่อยอดสู่ระบบอัตโนมัติและวิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลาย
RFID Reader ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมืออ่านแท็ก แต่ยังเชื่อมต่อกับระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ยังช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาการเก็บ การเคลื่อนไหวของสินค้า หรือสินค้าคงคลังแบบละเอียดได้อีกด้วย เช่น
เชื่อมต่อกับระบบคลังสินค้า (WMS) อย่างไร้รอยต่อ
- RFID Reader สามารถส่งข้อมูลที่อ่านได้เข้าสู่ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ได้
- ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ช่วยให้การบริหารจัดการสต็อก การรับ-จ่าย และการจัดเรียงสินค้าเป็นไปอย่างแม่นยำ
ต่อยอดสู่ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
- ข้อมูลจาก RFID เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติอื่นๆ ในคลังสินค้า เช่น หุ่นยนต์ขนส่ง (AGV) หรือระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายอัตโนมัติ (AS/RS)
- ช่วยลดการพึ่งพาแรงงานคนในงานซ้ำๆ และเพิ่มความเร็วในการดำเนินงาน
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น
- RFID ช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลได้ละเอียดและหลากหลายขึ้น เช่น ระยะเวลาการเก็บสินค้า ในแต่ละโซน, รูปแบบการเคลื่อนไหว ของสินค้า, หรือ ข้อมูลสินค้าคงคลังแบบละเอียด (เช่น จำนวน, วันที่รับเข้า, แหล่งที่มา)
- ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อหาจุดปรับปรุงกระบวนการ, วางแผนการจัดซื้อ, หรือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ในคลังสินค้า
มองเห็นภาพรวมธุรกิจได้ชัดเจน
- การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันจากการทำงานร่วมกับ RFID ช่วยให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นภาพรวมของคลังสินค้าและซัพพลายเชนได้ชัดเจนขึ้น
RFID Reader ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เสริมในระบบคลังสินค้า แต่เป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลา และต่อยอดไปสู่การวางระบบคลังสินค้าแบบอัจฉริยะได้ในอนาคต
หากกำลังวางแผนปรับปรุงหรือขยายระบบคลังสินค้า การเริ่มต้นด้วย RFID Reader อาจเป็นก้าวแรกที่คุ้มค่ากว่าที่คิดก็ได้นะคะ